All New Mazda2 กับโปรโมชั่นสุดพิเศษดอกเบี้ยเพียง 2.45% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์กับ All New Mazda2 สปอร์ตพรีเมี่ยมระดับรถยุโรป มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน ทั้งแรง ทั้งประหยัด คุ้มค่า กับโปรโมชั่นสุดพิเศษดอกเบี้ยเพียง 2.45% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ที่โชว์รูมมาสด้าไทยเพชรเกษม วันนี้ - 30 มิ.ย. 58


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.

086-0305511 ฟ้า หรือ Line : FreezyFha

Mazda CX-5 ที่มอบเอกสิทธิ์พิเศษ กับดอกเบี้ย 1.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง

สะท้อนภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของคุณกับ Mazda CX-5 ที่มอบเอกสิทธิ์พิเศษ กับดอกเบี้ย 1.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และ Mazda Care Program 3 ปี วันนี้– 30 มิถุนายน นี้ ที่โชว์รูมมาสด้าไทยเพชรเกษม




Mazda CX-5

- ดอกเบี้ย 1.99%*

- ฟรีประกันภัยชั้น 1*

- Mazda Care Program 3 ปี***


*ดาวน์ 25% นาน 48 เดือน ทุกรุ่น (ยกเว้นรุ่น 2.5S)
**Mazda Care Program 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 



วันนี้ – 30 มิถุนายน 2558

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.

086-0305511 ฟ้า หรือ Line : FreezyFha


ข้อเสนอในโฆษณานี้สำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อตามเงื่อนไขของมาสด้า ลีสซิ่ง และลูกค้าที่จองและออกรถภายในวันนี้ - 30 มิถุนายน 2558 เท่านั้น
ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

4 วิธีสังเกตุอาการ แบตเตอรี่เสื่อม

แบตเตอรี่เป็นอุปการณ์ชิ้นสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะมีผลทั้งระบบไฟและมีผลทั้งระบบเครื่องยนต์ หลายคนเคยเจอเหตุการณ์สตาร์ทรถไม่ติด ซึ่งบางครั้งทำให้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ดังนั้นควรสังเกตุอาการของแบตเตอรี่อยู่เสมอ



1. พ่วงแบตแล้วสตาร์ทติดง่าย
ส่วนมากมักเกิดช่วงเช้า หากนำรถคันอื่นมาพ่วงแบตแล้วสตาร์ทติดง่ายหรือสตาร์ทติดทันที แสดงว่าอาจเกิดจากแบตเตอรี่เสื่อมหรือไดชาร์จชาร์จไฟได้ไม่เต็มที่

2. พ่วงแบตแล้วสตาร์ทติดยาก
หากทำการพ่วงแบตเตอรี่แล้วใช้งานตลอดทั้งวัน พอจอดรถทิ้งไว้แล้วกลับมาสตาร์ทอีกทีแล้วรู้สึกว่สตาร์ทติดยากกว่าเดิมแสดงว่าแบตเตอรี่มีปัญหา ควรต้องเปลี่ยน

3. สตาร์ทไม่ติด
หากทำการพ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่น แล้วยังสามารถใช้งานได้ แต่พอกลับมาสตาร์ทอีกรอบแล้วปรากฏว่ารถสตาร์ทไม่ติดแสดงว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันที

4. ไดชาร์จมีปัญหา
หลายๆครั้งที่รถมีอาการผิดปกติคล้ายๆเกิดปัญหาจากแบตเตอรี่ หลายคนไปเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้วยังเกิดปัญหาเดิมๆ แต่ความเป็นจริงแล้วมันอาจเกิดจากไดชาร์จหรือชุดจ่ายไฟมีปัญหาซึ่งต้องให้ช่างตรวจสอบ

เรื่องน่ารู้!! ไส้กรองอากาศ สิ่งที่ขาดไม่ได้

หลายคนคงรู้จักไส้กรองอากาศ แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่ามันมีหน้าที่ทำอะไร ซึ่งแน่นอนว่าหน้าที่ของมันก็ตามชื่อ คือใช้กรองเศษฝุ่นออกจากอากาศก่อนผ่านเข้าสู่เครื่องยนต์ แต่ในความเป็นจริงมันมีประโยชน์มากกว่านั้น



- เพื่อเครื่องยนต์ที่สะอาด
คนเราเวลาหายใจในสภาพอากาศเลวร้าย ฝุ่นละอองมากมาย ก็ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ เครื่องยนต์ก็เช่นกัน หากได้รับไอดี ที่มีส่วนผสมของอากาศที่ไม่ดีเข้าไปนั้น ก็จะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ ดังนั้นถ้ามีไส้กรองดี คุณภาพเยี่ยม ก็หมายความว่าอากาศที่เข้าไปก็จะทำให้เครื่องยนต์ฟิตพร้อมสมบูรณ์

- ป้องกันประกายไฟ
นอกจากไส้กรองจะช่วยกรองสิ่งสกปรกแล้ว มันยังช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดประกายไฟย้อยกลับอีกด้วย เพราะถ้าไม่มีไส้กรองอากาศมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดประกายไฟย้อยกลับ จนทำให้เครื่องยนต์เกิดไฟลุกไหม้เสียหายได้

- ไส้กรองเปลี่ยนได้
ไส้กรองอากาศนั้นสามารถทำความสะอาดและเปลี่ยนได้เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งปัจจุบันส่วนมากไส้กรองจะเป็นแบบกระดาษแห้ง สามารถเป่าทำความสะอาดได้

- ตัวการทำให้เปลืองน้ำมัน
เมื่อใช้ไปนานๆ ควรตรวจสอบไส้กรอง ไม่ให้มีฝุ่นอุดตันมากไป หรือมีรอยรั่ว เพราะเมื่อมีฝุ่นไปปิดกั้น อากาศเข้าไปน้อยลง จะส่งผลให้อัตราเร่งต่ำ เร่งไม่ค่อยขึ้นจนเป็นเหตุให้เปลืองน้ำมัน และมีไอเสียเป็นควันดำมากขึ้น

สำคัญ!! วิธีดูแลรถ "หน้าร้อน" ให้พร้อมใช้เสมอ

ฤดู ร้อนในบ้านเราดูจะโหดต่อสภาพรถอย่างมาก เพราะรถอันเป็นที่รักของเราต้องทำงานท่ามกลางแสงแดดและสภาพอากาศอันทรหด ทำให้มันเสี่ยงต่อการพังได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งเราต้องดูแลมันให้ดีกว่าฤดูอื่นหลายเท่า



- เช็คหม้อน้ำ
หม้อ น้ำถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งในหน้าร้อนที่ต้องมีการระบายความร้อนในเครื่องยนต์อย่างหนัก ดังนั้นควรตรวจเข็คระดับน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และเติมน้ำอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นให้ตรวจเช็คสภาพหม้อน้ำด้วย

- ไล่ความร้อน
หาก จอดรถกลางแดดเป็นเวลานานๆ แน่นอนว่าภายในรถจะไม่ต่างอะไรกับเตาอบ อย่าเพิ่งขึ้นไปนั่งแล้วขับออกไป ให้เปิดกระจกรถหลายๆบาน แล้วเปิดแอร์เพื่อไล่ความร้อนออกไป

- แอร์คือส่วนสำคัญ
ห้ามเปิดพัดลม แอร์และน้ำยาแอร์แบบแรงสุดในขณะที่ภายในห้องโดยสารมีอากาศร้อนจัด เพราะจะทำให้แอร์ทำงานหนักและเจ๊งได้ ให้ค่อยๆเปิดพัดลมแอร์ และเมื่อผ่านไปสักพักให้เพิ่มระดับความเย็นไปสูงสุด จากนั้นก็ลดลงมา อย่าเปิดสุดแช่ไว้นานๆ

- สังเกตุความร้อน
หลายคนละเลยการดูเกจ์วัดความ ร้อน แต่ในหน้าร้อนแบบนี้ถือว่าสำคัญมาก ให้คอยสังเกตุอยู่เสมอ ถ้าเข็มขึ้นไปเกินครึ่งมาสักระยะ ให้จอดรถเพื่อพักเครื่อง และอย่าเพิ่งไปเปิดฝากระโปรงรถ เพราะอาจเจอความร้อนฝาดเข้าหน้าได้

ไม่รู้ไม่ได้!! 4 อาการ ที่บอกว่าเกียร์(ออโต้) กำลังมีปัญหา

ระบบเกียร์ถือเป็นระบบที่สำคัญอย่างมากในการใช้รถ โดยปกติแล้วรถเกียร์ธรรมดาจะมีความทนทานมากกว่าเกียร์ออโต้ การใช้รถไปนานๆ มักจะมีปัญหาในส่วนของระบบเกียร์เกิดขึ้น ซึ่งถ้ารู้ไม่ทันมัน อาจเป็นอัตรายถึงชีวิตได้



วิธีสังเกตุอาการเกียร์มีปัญหา

1. เข้าเกียร์ถอย แต่รถไม่ถอย
อาการนี้มักเกิดในตอนใช้รถครั้งแรกของวัน เครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ เมื่อติดเครื่องและเข้าเกียร์ถอยหลัง หรือเกียร์ R รถจะมีอาการกระตุก และที่ร้ายแรงกว่าคือมันไม่ยอมถอย ต้องรอให้เครื่องอุ่นขึ้นมาสักพักถึงถอยได้

2. เปลี่ยนเกียร์ไม่ลื่น
เป็นอาการที่เมื่อขับรถเดินหน้าตามปกติ เมื่อถึงช่วงเปลี่ยนเกียร์รถมีอาการกระตุก หรือเปลี่ยนเกียร์แรงกว่าปกติ ซึ่งเกิดมาจากอาการลื่นของผ้าคลัชนั่นเอง ต้องคอยสังเกตุอยู่เป็นระยะ

3. เข้าเกียร์ R ไม่ได้
อาการขั้นนี้จะเริ่มหนักกว่าตอนแรก คือพอเข้าเกียร์ถอยหรือเกียร์ R จะมีอาการเหมือนกับว่ายังไม่ได้เข้าเกียร์หรือยังไม่ได้เปลี่ยนเกียร์ แต่พอเครื่องเริ่มอุ่นก็สามารถเข้าได้ตามปกติ เมื่อเจอแบบนี้ต้องรีบนำไปเข้าศูนย์ทันที

4. ความเร็วไม่ขึ้น
อาการในขั้นนี้ถือว่าหนักสุด คือเมื่อขับรถเข้าเกียร์ D ตามปกติ แต่พอจังหวะเร่งเครื่อง รอบเครื่องขึ้นไป แต่ความเร็วรถและไมล์ความเร็วไม่ขึ้นตาม ความเร็วมาช้าหรือเกิดอาการหน่วง ถ้าเจอแบบนี้ให้เข้าศูนย์ทันทีอย่าฝืนขับต่อ

สิ่งที่ควรรู้ในการขับรถตอนกลางคืน

การขับรถในตอนกลางคืนนั้นโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุนั้นค่อนข้างสูงกว่าตอนกลางวันโดยเฉพาะในยามดึกสงัด เงียบสงบที่อาจจะชวนจิตหลอนได้ระหว่างทางแต่ถ้าคุณจะขับรถในยามค่ำคืน มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก และเรามีเทคนิคที่ช่วยให้คุณขับรถในยามราตรีได้อย่างปลอดภัย


1 รู้สถานะตัวเองก่อนขับ
     เราไม่ได้บอกให้คุณตั้ง Status แต่การรู้ว่าเรากำลังเป็นอย่างไรก่อนขึ้นขับรถในยามค่ำคืนนั้นคือเรื่องสำคัญ โดยมาก สิ่งที่เลี่ยงได้ยากสำหรับการขับรถในยามค่ำคืน คือการเหนื่อยล้า บรรยากาศที่เงียบสงบนั้นชวนหลายคน "หลับใน" ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องสงสัย และถ้าคุณรู้สถานะตัวเองว่า เหนื่อย เพลีย อ่อนล้า ก็ทำให้เราหาทางแก้ เช่นการหาเพลงคึกๆมันส์ๆ ฟัง ช่วยให้กระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น ไม่มากก็น้อย หรือถ้าไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ ก็จอดข้างทาง พักผ่อนสักนิด โดยเฉพาะ หากคุณเดินทางไกล ช่วยลดความเสี่ยงได้

2 อย่าเข้าใกล้รถที่มีพฤติกรรมแปลกๆ
     เมื่อคุณเดินทางยามค่ำคืน สิ่งที่ควรจำคือ แม้คุณจะพร้อม แต่อย่างวางใจในเพื่อนร่วมทาง เพราะเพื่อนร่วมทางนี่แหละที่สำคัญที่สุด และบ่อยครั้งที่อุบัติเหตุนั้นมีเพื่อนร่วมทางเป็นส่วนสำคัญสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเวลาขับรถในยามค่ำคืนนั้น คงไม่พ้นการที่ต้องระแวดระวัง โดยเฉพาะรถยนต์ที่เดินทางไปกับเรา ซึ่งบางครั้งมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่นขับเร็วผิดปกติ หรือมีอาการเลื้อย-ส่าย ขับรถไม่ตรงเลน/กินเลนและ เด็กแว้นซ์ จงพึงระวังและทางที่ดี ถ้าเจอเจ้าหน้าที่ด้านหน้า ให้บอกเจ้าหน้าที่ เพราะคุณอาจเป็นส่วนหนึ่งช่วยให้ถนนปลอดภัยมากขึ้นก็ได้

3 มองให้ละเอียดก่อนใช้ความเร็ว
     หลายครั้งโดยเฉพาะในต่างจังหวันั้น ถนนจะไร้ไฟส่องทาง และเมื่อความมืดเข้ามาเยือนนั้น มันก็ทำให้การสัญจรยิ่งอันตรายมากขึ้น หลายครั้งความประมาทของอุบัติเหตุเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และความมืดถือเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการขับขี่ ดังนั้น พยายามมองให้ดี ถ้าไม่มีรถสวนไฟสูงก็สามารถช่วยได้ เช่นเดียวกับไฟตัดหมอก ที่ช่วยเพิ่มระยะการมองเห็นได้ โดยเฉพาะการขับขี่ในต่างจังหวัด

4 ระแวดระวังตามแยกต่างๆ
     ทางตัดและทางแยก ถือเป็นจุดสำคัญในการขับขี่ยามค่ำคืน เนื่องจากเมื่อการจราจรเบาบางจุดเหล่านี้นั้นมักจะกลายเป็นไฟเหลืองกระพริบ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จนสนใจ อันที่จริงไฟเหลืองที่ติดแทนการปล่อยสัญญาณไฟฟ คือการบอกให้ระวัง และจุดตัดต่างๆเหล่านี้ มันกลายเป็นจุดเกิดเหตุที่บ่อยๆพอๆ กับช่วงทางโค้งอันตราย ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการชะลอความเร็ว จะดีกว่า

5 เคารพกฏจราจรอย่าเคร่งครัด
     ยิ่งค่ำคืน แม้ถนนจะโล่งแต่สิ่งที่ละเลยไม่ได้คิอเรื่องของกฏจราจร หลายคนมักจะละเลยการปฏิบัติตามกฏทำให้บ่อยครั้งเป้นต้นเหตุของอุบัติเหตุ หรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุเสียเอง ดังนั้นจำไว้ว่าเคารพกฏให้มากที่สุด เพราะหากคุณไร้ซึ่งกฏโอกาสเสี่ยงก็จะเยอะขึ้นนั่นเอง
     ลองจำเอาไปใช้กันดูนะคะเพื่อช่วยกันลดอุบัติเหตุและยังปลอดภัยทำหรับตัวท่านเอง